แนวความคิด

1. การบริหารงานหลายงานในเวลาเดียวกัน 

     เราจะทำไม่ได้หากเรามีความคิดในมุมลบกับสังคม โดยเฉพาะกับคู่แข่ง เพราะความสามารถหรือศักยภาพของเราจะเกิดขึ้นจากความคิดสร้างสรรค์เท่านั้น ความคิดสร้างสรรค์คือการ

มีความรักกับมนุษย์ทุกคนดังเช่นที่เรารักตัวเรา ความรักทำให้เกิดความสร้างสรรค์และก่อให้เกิดรูปธรรม การรักในสิ่งที่เราทำเพื่อผู้อื่นเท่านั้น การรักในสิ่งที่ทำ และทำทุกสิ่งด้วยความรัก

เพื่อผู้อื่นเท่านั้นที่จะทำให้มีความคิดสร้างสรรค์ และเป็นสิ่งเดียวเท่านั้นที่จะปลดปล่อยศักยภาพของมนุษย์ได้ ต้องมีความทุ่มเทในงานทุกงาน ตั้งแต่ขั้นพื้นฐานจนถึงการคิดต่อยอดงาน

คิดต่อยอดกับงานคิดขั้นพื้นฐานเป็นสิ่งที่แยกจากกันไม่ได้ และเป็นสิ่งที่จำเป็นในการทำให้เราสามารถตัดสินใจบริหารงานหลายๆงาน ในเวลาเดียวกันได้การที่ไม่รู้ความจริง

และความจริงที่เราไม่รู้แม้เราบริหารได้ แต่จะเกิดความผิดพลาดในการจัดการ บริหารคือบริหารงานจากเบื้องบนสู่เบื้องล่าง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการจัดการ 

การจัดการในที่นี่คือการจัดการและใส่ใจในรายละเอียดของงานนั้นๆ 

 

2. การมีความสามารถเอาชนะคู่แข่ง  

     มนุษย์ต้องมีความสามารถในการชนะตัวเองเป็นพื้นฐาน คู่แข่งไม่ใช่สิ่งที่ต้องเอาชนะแต่ความคิดแง่ลบเป็นสิ่งที่เราต้องเอาชนะเพราะความจริงคู่แข่งคือ เพื่อนคู่คิด 

เพื่อนร่วมทางในสายอาชีพเดียวกัน ผู้ที่เราควรเอาชนะคือ ความต้องการอันแท้จริงของผู้บริโภค และความต้องการอันแท้จริงของผู้บริโภคนั้น 

เราไม่สามารถได้มาด้วยการถามผู้บริโภคหรือไปลบล้างคู่แข่ง แต่เราจะสามารถล้วงรู้ความจริง และความต้องการของผู้บริโภคได้ด้วยการเอาใจใส่ และคิดเผื่อผู้บริโภค

 

3. มีความมั่นใจในการทำงาน  

     จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ ความจริงที่เราต้องรู้จริง หรือจะเรียกอีกนัยว่า ต้องมีความเข้าใจในสัจจะแห่งชีวิต ความมั่นใจไม่ได้เกิดจากข้อมูล ที่เรารับรู้แต่ความมั่นใจเกิดจากใจที่สัมผัส

ต้องแยกความมั่นใจในความเข้าใจงาน กับความมั่นใจในความเป็นตัวเอง เราอาจจะมั่นใจในตัวเอง แต่เรามีความมั่นใจในความเข้าใจงาน งานที่เราทำหรือไม่

บางคนอาจจะไม่มีความมั่นใจในตัวเองในความสามารถของตัวเอง เพราะไม่มีความรู้ แต่เข้าใจในการทำงานจริงมีความมั่นใจที่จะทำงานสิ่งนั้นได้ หลายคนมีความรู้แต่ไม่ยอมเอาใจไปสัมผัส

หรือเข้าใจในงาน ความล้มเหลว และความผิดพลาดในการตัดสินใจ มักจะเกิดขึ้นจากการใช้ความมั่นใจในความเป็นตัวเอง ความเข้าใจในงาน (ข้อมูลที่ถูกต้อง) นำมาซึ่งการตัดสินใจที่ถูกต้อง  

 

4. ซื่อสัตย์ ไม่ติดสินบน  

     ความคิดที่ต้องการเอาชนะผู้อื่น (ชิงดำ)  จะนำมาซึ่งการใช้กลยุทธ์ในทุกวิถีทาง และจะนำมาซึ่งการติดสินบน  การติดสินบนจะอยู่คู่กับการอยากเอาชนะ เหตุเพราะการอยากเอาชนะ 

จึงทำให้ต้องติดสินบน ความซื่อสัตย์กับการไม่ติดสินบนจะอยู่คู่กับการแบ่งปันเท่านั้น  

 

5. ความพยายามในการไปถึงเป้าหมาย  

     ความเป็นนักธุรกิจมีกลุ่มผู้บริโภคเป็นเป้าหมาย ดังนั้นความเป็นนักธุรกิจต้องเริ่มต้นจาก มีเป้าหมายเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น นักธุรกิจต้องมีสายตาแห่งการให้ โดยให้ผ่านการบริหาร การจัดการ 

และตัวสินค้า เป้าหมายของนักธุรกิจนั้นส่วนใหญ่จะมีเป้าหมายไปที่ความสำเร็จเพียงเพื่อตัวตน และเอากำไรบางส่วนซึ่งเป็นส่วนน้อยไปสร้างภาพว่าตัวเองเป็นผู้ให้ (CSR) โดยความหมายของนักธุรกิจ

ที่แท้จริงก็คือ ความเป็นพ่อค้าและมีลูกค้าเป็นเป้าหมาย ดังนั้นนักธุรกิจจะประสบความสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อ มีความเข้าใจว่าอะไรคือสิ่งที่เชื่อมโยงทำให้พ่อค้ากับลูกค้าสามารถตกลงซื้อขายกันได้  

หากย้อนดูในความเป็นจริง พ่อกับลูกมีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่มีเพียงสายใยแห่งความรักเชื่อมโยงกันไว้ และผูกพันกันตลอดไป

ดังนั้น พ่อค้าจะสามารถเชื่อมโยงกับลูกค้าได้ตลอดไป ก็คงหนีไม่พ้นกับการใช้ความรักเป็นเป้าหมาย ส่วนอุปสรรคและปัญหาระหว่างทางที่เกิดขึ้น หากเรามองว่าเป็นปัญหาและเป็นอุปสรรค

เราจะไปไม่ถึงเป้าหมาย เราต้องมองว่าอุปสรรคและปัญหานั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อก่อให้รู้ และนำความรู้นั้นมาบริหารจัดการเพื่อให้ไปถึงเป้าหมาย

 

6. มีความสามารถในการโน้มน้าว จูงใจคน  

     ความรักและความจริงใจที่เป็นวิถีชีวิตเท่านั้นที่จะสามารถจูงใจคนได้ การสร้างภาพหรือสิ่งที่ไม่ใช่ตัวตนของคนและองค์กรนั้น ไม่สามารถจูงใจคนได้ เพราะสิ่งนั้นคือความไม่จริง 

ความจริงกับความรักเท่านั้นที่จะจูงใจคนได้ เพราะความจริงกับความรักจะสั่งเรานั้นทำดีกับทุกคน “ความรักเป็นเจ้านายที่ออกคำสั่งให้ความดีทำงาน”

 

7. กล้าที่เสี่ยง  

     ธุรกิจไม่ใช่ความเสี่ยง แต่ธุรกิจคือการแลกเปลี่ยนอย่างมีเหตุและผล ธุรกิจไม่ใช่การผจญภัยจึงไม่จำเป็นต้องเสี่ยง ธุรกิจไม่ใช่สิ่งผิดกฎหมายจึงไม่ต้องเสี่ยงธุรกิจคือ การค้นหาสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการ 

และสิ่งที่ผู้บริโภคไม่รู้ว่าต้องการอะไร ดังนั้นนักธุรกิจต้องเป็นผู้ค้นหามิใช่ผู้ผจญภัย แต่ต้องค้นหาด้วยใจที่มีความรักต่อผู้บริโภค ถ้าใช้ความเสี่ยงกับธุรกิจ ต้องถามกลับไปว่า คุณจะเสี่ยงกับใคร เสี่ยงกับอะไร 

หากคุณมีกลยุทธ์ที่ฉกฉวยกับผู้บริโภค กับคู่ค้า คุณจึงจะใช้คำว่าความเสี่ยงได้ เพราะเกรงว่าเขาจะจับได้ในวันหนึ่ง

 

8. มีวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกล  

     รักและเอาใจใส่ในสิ่งที่ทำ และทำทุกสิ่งด้วยความรักและเอาใจใส่ เพื่อผู้อื่นเท่านั้นจะทำให้เรามีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลได้ การเลือกทำเฉพาะสิ่งที่เรารักจะทำให้เราทำทุกสิ่งเพื่อผู้อื่นไม่ได้ การรักในสิ่งที่ทำ 

และทำทุกสิ่งด้วยความรัก จะทำให้เราค้นพบตัวเองว่า สิ่งใดคือสิ่งที่เรารักและชอบที่จะทำ เราต้องค้นพบตัวเราเองก่อนว่าเราเหมาะที่จะทำอะไร และตัดสินใจทำลงไป แม้จะผิดพลาดบ้าง 

แต่สิ่งเหล่านั้นคือการเรียนรู้เพื่อให้เราได้รู้จักตัวเอง และค้นพบจริงๆว่าเหมาะที่จะสิ่งใดได้ดี